รัชกาลที่10

ทรงพระเจริญ
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่
10

เมื่อเวลาประมาณ 22.06 น. ที่ผ่านมา
โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ได้นำเสนอในโอกาสที่ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์
ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายวีระ ตั้งสุวรรณ ประธานศาลฏีกา
เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท กราบบังคมทูลเชิญองค์รัชทายาท
เสด็จขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 10 สืบราชสันตติวงศ์

    วันที่ 1 ธันวาคม
เวลา 19.16 น. สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร
เสด็จออก ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พระราชทานวโรกาศให้ พลเอกเปรม
ติณสูลานนท์ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ นายพรเพชร วิชิตชลชัย
ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ปฏิบัติหน้าที่ประธานรัฐสภา พลเอกประยุทธ์
จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายวีระพล ตั้งสุวรรณ ประธานศาลฎีกา
เข้าเฝ้าทูลละอองพระบาท 

     โอกาสนี้ นายพรเพชร วิชิตชลชัย
ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กราบบังคับทูลเชิญองค์รัชทายาท เสด็จฯ
ขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ สืบราชสันตติวงศ์ ความว่า

      ขอพระราชทานกราบบังคมทูลทรงทราบ
ฝ่าละอองธุลีพระบาท ข้าพระพุทธเจ้า นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
ทำหน้าที่ประธานรัฐสภา ขอพระราชทานพระราชวโรกาส
กราบบังคมทูลในนามของปวงชนชาวไทยว่า
โดยที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี
จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ได้เสด็จสวรรคต เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 13
ตุลาคม พุทธศักราช 2559 เวลา 15 นาฬิกา 52 นาที โดยที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ฉบับชั่วคราว พุทธศักราช 2557 มาตรา 2 วรรค
2 ประกอบกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550
มาตรา 23 วรรค 1 ได้บัญญัติเรื่องการสืบราชสันตติวงศ์
ว่า ในกรณีที่ราชบัลลังก์หากว่างลง และในกรณีที่พระมหากษัตริย์ได้ทรงแต่งตั้งทายาทไว้
ตามกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พระพุทธศักราช 2467 แล้ว ให้คณะรัฐมนตรีแจ้งประธานรัฐสภาทราบ และให้ประธานรัฐสภา
เรียกประชุมรัฐสภา เพื่อรับทราบ
และให้ประธานรัฐสภาอัญเชิญองค์รัชทายาทขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์สืบไป
และให้ประธานรัฐสภาประกาศให้ประชาชนทราบ

         บัดนี้
คณะรัฐมนตรีได้แจ้งให้ประธานสภานิติบัญญัติทราบ
ซึ่งทำหน้าที่ประธานรัฐสภาตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญทราบ เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2559 ว่า
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร
สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ได้ทรงแต่งตั้ง สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช
เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร
เป็นพระรัชทายาทตามกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พระพุทธศักราช 2467
แล้ว 

     ข้าพระพุทธเจ้าได้ดำเนินการเรียกประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
เพื่อรับทราบ ในคราวประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ 76/2559 เป็นพิเเศษ เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2559
และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้รับทราบการแต่งตั้งพระรัชทายาทแล้ว
ข้าพระพุทธเจ้า ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำหน้าที่ประธานรัฐสภา
ในนามของปวงชนชาวไทย จึงขอพระราชทานอัญเชิญใต้ฝ่าละอองพระบาท
ขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์สืบราชสันตติวงศ์สืบไป
เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติของกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์
พระพุทธศักราช 2467 และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ฉบับชั่วคราว พุทธศักราช 2557 มาตรา 2 วรรค
2 ประกอบกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550
มาตรา 23 วรรค 1 ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่
13 ตุลาคม พุทธศักราช 2559    ควรมิควร แล้วแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม 

     ข้าพระพุทธเจ้า นายพรเพชร
วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ   ในการนี้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช
เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร มีพระราชดำรัสตอบรับการขึ้นทรงราชย์
ความว่า

      ตามที่ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
ปฏิบัติหน้าที่ประธานรัฐสภา ได้กล่าวในนามของปวงชนชาวไทยเชิญข้าพเจ้าขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์
ถ้าเป็นไปตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตร
และเป็นไปตามบทบัญญัติของกฎมณเฑียรบาลว่า
ด้วยการสืบสันตติวงศ์กับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยนั้น ข้าพเจ้าขอตอบรับเพื่อสนองพระราชปณิธาน
และเพื่อประโยชน์ของประชาชนชาวไทยทั้งปวง

        จากนั้น
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 เสด็จฯ ไปประทับราบ ณ
พระสุจหนี่ หน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบามสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงกราบถวายบังคม ทรงเปิดกรวยกระทงดอกไม้
ธูปเทียนแพ ทรงกราบราบ

     พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
กราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล จากนั้น
ทรงมีพระราชปฏิสันถารกับคณะผู้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท